คณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (National Development Council: NDC) เผยว่า ประชากรวัยทำงานของไต้หวันจะมีจำนวนสูงสุดในรอบปี 2558 นี้ และตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป เมื่อเปรียบเทียบจำนวนแรงงานในตลาดแรงงานกับจำนวนผู้ไม่ทำงานจะลดลง เฉลี่ยปีละ 180,000 คน โดยในปี 2565 จำนวนประชากรไต้หวันจะเริ่มลดลง ขณะที่ในปี 2604 จะมีจำนวนแรงงาน 1.2 คนต่อผู้สูงอายุที่ต้องอุปการะ 1 คนซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงมาก ดังนั้นการที่ไต้หวันมีอัตราการเกิดลดลงและจำนวนประชากรผู้สูงอายุมากขึ้น ส่งผลให้การเพิ่มจำนวนผู้ใช้แรงงานจึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ไต้หวันต้องเร่งดำเนินการแก้ไข
เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา สภาบริหารไต้หวันได้ปรับปรุงนโยบายประชากร โดยการเพิ่มจำนวนผู้ใช้แรงงานและผ่อนปรนนโยบายการรับผู้อพยพให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายว่าก่อนปี 2020 จะต้องเพิ่มจำนวนแรงงานให้ได้ถึงร้อยละ 60 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และเพิ่มในส่วนของอัตราผู้ใช้แรงงานสตรีให้ได้ถึงร้อยละ 53 สำหรับนโยบายการจ้างแรงงานวัยหนุ่มสาว ไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างการศึกษาและการจ้างงานให้มีความหลากหลาย จะไม่สนับสนุนให้เรียนจนกระทั่งจบปริญญาตรีหรือปริญญาโทจึงจะเริ่มทำงาน แต่จะนำการศึกษาและการจ้างงานมาประยุกต์ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อว่า แรงงานวัยหนุ่มสาวเหล่านี้เมื่อทำงานแล้ว ก็สามารถกลับมาศึกษาต่อได้ หรือสามารถเรียนพร้อมกับทำงานไปด้วยก็ได้ นอกจากนี้ปัจจุบันสตรีไต้หวันโดยส่วนใหญ่เมื่อแต่งงานมีบุตรแล้วมักลาออกจากงานเพื่อดูแลครอบครัว จึงทำให้สตรีวัยกลางคนมีอัตราการทำงานค่อนข้างต่ำ ซึ่งเรื่องนี้ไต้หวันเห็นว่า หากมีการแก้ไขเรื่องการยืดหยุ่นเวลาทำงาน การเสริมในส่วนของโรงเรียนอนุบาลในการดูแลเด็กเล็กอย่างทั่วถึง และการปรับปรุงสร้างสิ่งแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้น ย่อมจะเป็นแรงผลักดันให้สตรีกลุ่มนี้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง
**********************************
สนร.ไทเป