ปลายเดือน ก.พ. ศกนี้ คณะกรรมการการแรงงานหรือซีแอลเอ จะทำการพิจารณาแผนงานบริการผู้อนุบาลนอกสถานที่หรือที่เรียกกันว่าระบบว่าจ้างแรงงานต่างชาติรายชั่วโมง ก็คือการส่งแรงงานต่างชาติไปทำงานนอกสถานที่โดยองค์กรสังคมสงเคราะห์ ซีแอลเอระบุว่า นายจ้างที่มีคุณสมบัติได้รับอนุญาตให้ว่าจ้างแรงงานต่างชาติ สามารถยื่นขอใช้บริการแรงงานต่างชาติตามระบบว่าจ้างรายชั่วโมงผ่านองค์กรได้ คาดว่าจะสามารถประกาศเริ่มดำเนินการได้ในต้นเดือน มี.ค. ศกนี้
กรมฝึกอาชีพซีแอลเอระบุว่า ในอนาคตองค์กรสังคมสงเคราะห์ที่ให้บริการดูแลถึงที่พักระยะยาว ล้วนสามารถทดลองยื่นขอดำเนินการกับซีแอลเอได้ แต่จนถึงขณะนี้พบว่ามีเพียงมูลนิธิสวัสดิการผู้สูงอายุหงเต้า (Hondao Senior Citizen’s Welfare Foundation) เท่านั้นที่แสดงความประสงค์ โดยทางมูลนิธิคาดว่า จะเริ่มทดลองดำเนินการได้ราวเดือน ก.ค. ศกนี้
หลินอีอิ๋งประธานมูลนิธิสวัสดิการผู้สูงอายุหงเต้ากล่าวว่า ระบบว่าจ้างแรงงานต่างชาติรายชั่วโมง ที่สำคัญช่วยคือแก้ปัญหาด้านการดูแลระยะยาวของไต้หวัน เพราะแรงงานผู้อนุบาลในประเทศค่าจ้างวันละ 2,000 เหรียญไต้หวัน หรือ 60,000 เหรียญต่อเดือน ครอบครัวจำนวนมากไม่สามารถรับภาระได้ ส่วนผู้อนุบาลต่างชาติค่าจ้างถูกกว่า แต่นายจ้างต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขจึงจะจ้างได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนของแรงงานต่างชาติในไต้หวัน ที่มีข้อขัดแย้งเนื่องจากแรงงานต่างชาติไม่มีวันหยุดตลอดปีเพราะอาศัยอยู่กับนายจ้างด้วย
ซีแอลเอระบุว่า เนื่องจากแรงงานต่างชาติรายชั่วโมงมีนายจ้างคือองค์กรสังคมสงเคราะห์ ผู้ว่าจ้างไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น เป็นไปตามการตกลงทำสัญญาระหว่างประชาชนกับองค์กรที่จัดส่งแรงงานทำงานนอกสถานที่ โดยพื้นฐานแล้วจะไม่ต่ำกว่าการว่าจ้างผู้อนุบาลต่างชาติ แต่ที่พักของแรงงานต่างชาติที่ส่งไปทำงานนอกสถานที่ ความรับผิดชอบเกี่ยวกับค่าเบี้ยประกันสุขภาพและประกันภัยแรงงาน ตลอดจนปัญหาการหลบหนีของแรงงานต่างชาติ จะมีองค์กรสังคมสงเคราะห์ที่ส่งแรงงานทำงานนอกสถานที่เป็นผู้รับภาระทั้งหมด สามารถช่วยลดความเครียดจากแรงกดดันของผู้ที่ต้องว่าจ้างแรงงานต่างชาติลงได้ไม่น้อย
*****************************
สนร.ไทเป